วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

อินเดียกับวัฒนธรรมไทย


อินเดียกับวัฒนธรรมไทย

                วัฒนธรรม ต่างชาติทั้งหลายที่เข้ามามีความสัมพันธ์กับไทยนั้นถือได้ว่าวัฒนธรรม อินเดียมีความสำคัญมากที่สุด และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะพุทธศาสนา ภาษา วรรณคดี กฎหมาย และประเพณีต่าง ๆ ดังจะได้กล่าวต่อไป
        อินเดียมีการติดต่อกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลานานแล้ว จากหลักฐานทางโบราณคดี แสดงให้เห็นร่องรอยวัฒนธรรมอินเดียในภูมิภาคนี้มีมาไม่เก่าไปกว่าพุทธศตวรรษ ที่ ๗ ในศตวรรษต่อมาก็ได้ปรากฏหลักฐานเป็นศิลาจารึกภาษาสันสกฤตและพระพุทธรูปใน ภูมิภาคนี้ด้วย ดังนั้นเมื่อไทยสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘ วัฒนธรรมอินเดียจึงได้แพร่หลาย และมีอิทธิพลต่อผู้คนในดินแดนประเทศไทยอยู่อย่างกว้างขวางแล้ว ในเวลาไม่นานต่อมาพระมหากษัตริย์ และประชากรของอาณาจักรสุโขทัย จึงรับวัฒนธรรมอินเดียอีกหลายประการ โดยผ่านอาณาจักรที่รุ่งเรืองในบริเวณนี้มาก่อน โดยเฉพาะขอมหรือเขมรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) มอญ ต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ก็ได้รับช่วงวัฒนธรรมอินเดียต่อมา วัฒนธรรมอินเดียซึ่งไทยรับมาที่นับว่าสำคัญคือ
        
        ๑. ศาสนา ศาสนาจากอินเดียที่เข้ามาเผยแผ่ก่อนคือ ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูซึ่งเป็นศาสนาที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ เช่น พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระอินทร์ เมื่อพุทธศาสนารุ่งเรืองในอินเดีย โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๖๙-๓๑๑) พระองค์ได้ส่งสมณทูตไปเผยแผ่พุทธศาสนาหลายแห่ง รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้ผู้คนในอาณาจักรต่าง ๆ ยอมรับนับถือพุทธศาสนาแทนศาสนาพราหมณ์ อย่างไรก็ดี ศาสนาพราหมณ์ยังคงมีอิทธิพลในราชสำนักและในพระราชพิธีบางอย่าง พุทธศาสนาที่นับถือในสุโขทัยระระแรกเป็นนิกายมหายาน ต่อมาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๑-๑๘๔๒) ทรงนำพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์หรือนิกายหินยานซึ่งเคร่งครัดในพระ ธรรมวินัยกว่ามาเผยแผ่ ทรงนิมนต์พระสงฆ์จากตามพรลิงค์หรือนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎกมาเทศน์สั่งสอนประชาชนทำให้พุทธศาสนานิกาย เถรวาทเป็นที่นับถือกันโดยทั่วไปจนปัจจุบัน 

  

         ๒. ภาษาและวรรณคดี การแพร่หลายของพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยจนกลายมาเป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้คำในภาษาบาลีซึ่งใช้ในพุทธศาสนานิกายหินยานมีหลายคำ ปรากฏในภาษาซึ่งใช้กันโดยทั่วไปในหมู่คนไทย ส่วนภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาของนักปราชญ์ในอินเดียก็มีอิทธิพลอยู่มากแต่ น้อยกว่าภาษาบาลี 
      ในด้านวรรณคดี มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ของอินเดีย ๒ เรื่อง คือ รามายณะ หรือรามเกียรติ์และมหาภารตะ เป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย เรื่องรามายณะมาเล่นโขน หนังใหญ่ และหนังตะลุง ยังมีวรรณคดีของอินเดียอีกหลายเรื่องที่คนไทยคุ้นเคย ที่รู้จักกันดีอีกเรื่องหนึ่งคือนิทานชาดก ในพุทธศาสนา ซึ่งมีอิทธิพลต่อคนไทยในเรื่องการทำคุณงามความดี ละเว้นความชั่ว 

 

        ๓. กฎหมายและระบอบการปกครอง กฎหมายเดิมของไทยที่เรียกกัน โดยทั่วไปว่ากฎหมายตราสามดวง ได้รับอิทธิพลจากอินเดียเช่นกัน (โดยผ่านทางมอญ) คือจากคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ในการตรากฎหมายหรือที่เรียกว่าพระไอยการลักษณะต่าง ๆ จะมีการอ้างอิงถึงคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ในเบื้องต้น ก่อนกล่าวถึงเนื้อหาสาระของกฎหมาย
     นอกจากนี้คัมภีร์อรรถศาสตร์ ซึ่งเป็นตำราทางด้านการปกครองของอินเดีย ราชนีติ หรือ "ความประพฤติของพระราชา" และหลักทศพิธราชธรรม หรือ "ธรรม ๑๐ ประการของพระราชา" ล้วนแล้วแต่มีกำเนิดในอินเดียและมีอิทธิพลต่อระบอบการปกครองของไทยในสมัยก่อน 

 

        ๔. ศิลปกรรม ศิลปกรรมของอินเดียที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาทางด้านปฏิมากรรม เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ด้านสถาปัตยกรรม เช่น สถูป เจดีย์ ด้านจิตรกรรม เช่น ภาพฝาผนัง มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อศิลปกรรมของไทย อิทธิพลของเรื่องรามายณะ หรือรามเกียรติ์ทำให้นาฏศิลป์ของอินเดียมีอิทธิพลต่อนาฏศิลป์ไทยเช่นกัน ทั้งการแต่งตัวและท่าร่ายรำ

      อิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดียดังที่กล่าวมาไทยไม่ได้รับโดยตรงจากอินเดีย หากแต่รับผ่านเพื่อนบ้านของไทย คือ ขอม (เขมร๗) มอญ ลังกา สำหรับขอมยังมีอิทธิพลทางด้านภาษาต่อไทยเราด้วย นั่นคือ คำในภาษาเขมรหลายคำกลายเป็นภาษาที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ หรือราชาศัพท์


ที่มา : www.indiaindream.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น